‘สิงโตคำราม’ ไม่เคยเป็นแชมป์รายการเมเจอร์ตั้งแต่เวิลด์คัพ 1966 แต่หนนี้โอกาสดีเพราะนอกจากกรุ๊ปสเตจเล่นบนแผ่นดินตัวเองแล้วยังมีรอบรองฯและนัดชิงชนะเลิศอีกบวกขุมกำลังปัจจุบันทั้งมากความสามารถรวมถึงมีประสบการณ์นั่นทำให้ดาวยิงจากแมนฯยูไนเต็ดเชื่อลึกๆอังกฤษได้เวลาผงาด

“เรื่องหนึ่งที่ผมอยากพูดคือเราไม่กลัวคู่แข่งหน้าไหนทั้งสิ้น พร้อมปะทะได้หมด” ดาวยิงวัย 23 ปีประกาศความเชื่อมั่น

“คุณต้องเคี่ยวกรำในการซ้อมอย่างหนักและเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมือทีมเมต เพราะหากไม่ทำแบบนั้นก็ลืมเรื่องเอาแชมป์ไปได้เลย” 

“เราต้องไม่ปอดให้หน้าไหนก็ช่าง ถามว่าในทัวร์นาเมนต์มีชาติเล่นดีประทับใจคุณไหม? แน่นอนว่าใช่ – หลายทีมสร้างผลงานแกร่ง, หลายชาติทำคุณนั่งติดเก้าอี้และสนุกกับการดูฟุตบอล” 

“ทั้งนี้เราต้องเดินหน้าทำผลงานให้ดีขึ้น เพราะหากหวังชนะทัวร์นาเมนต์นี้ได้ก็ต้องโค่นคู่แข่งดีๆเหล่านั้น ก็ตั้งตารอให้มันนมาถึง” 

“สำคัญคืออย่าปอดให้ชาติพวกนั้น เราต้องระเบิดผลงานดัวเองออกมามากกว่าเดิมในเกมใหญ่เพื่อต่อกรคู่แข่งที่ดีสุด ชาติที่ใหญ่สุด บ้างมีผู้เล่นดีสุดของโลกอยู่ และเราต้องบริหารขุมกำลังเพื่อรับมือ ชนะเกมให้มากกว่าเมื่อตอนเวิลด์ คัพ 2018”

“ผมก็จำได้ก่อนบอลโลกที่รัสเซียเรามีปัญหาเวลาเจอชาติใหญ่ๆเพื่อเก็บผลการแข่งขัน แต่หลังจาก เวิลด์ คัพ คิดว่าเราบริหารทีมได้ดีขึ้น เริ่มเก็บผลที่ต้องการและแสดงศักยภาพฟุตบอลดีสุดออกมา” 

• ส่วนเกมพบทีมชาติสกอตแลนด์แรชฟอร์ดยกให้เป็นความแค้น 7 ชั่วโคตรยอมกันไม่ได้เปรียบไปเหมือนแมนฯยูไนเต็ดดวลแมนฯซิตี้หรือลิเวอร์พูลเป้าหมายเมื่อสิ้นเสียงนกหวีดคือต้องชนะเท่านั้น